ข้อจำกัดในการวิจัย (
Limitation
)
ขอบเขตการทำวิจัย
http://blog.eduzones.com/jipatar/85921
เป็นการระบุให้ทราบว่าการวิจัยที่จะศึกษามีขอบข่ายกว้างขวางเพียงใด เนื่องจากผู้วิจัยไม่สามารถทำการศึกษาได้ครบถ้วนทุกแง่ทุกมุมของปัญหานั้น จึงต้องกำหนดขอบเขตของการศึกษาให้แน่นอน ว่าจะครอบคลุมอะไรบ้าง ซึ่งอาจทำได้โดยการกำหนดขอบเขตของเรื่องให้แคบลงเฉพาะตอนใดตอนหนึ่งของสาขาวิชา หรือกำหนดกลุ่มประชากร สถานที่วิจัย หรือระยะเวลา
www.eng.su.ac.th/che/old53/faculty_and_staff/.../research-4.pdf
เป็นการระบุให้ทราบว่าการวิจัยที่จะศึกษามีขอบข่ายกว้างขวางเพียงใด เนื่องจากผู้วิจัยไม่สามารถทำการศึกษาได้ครบถ้วนทุกแง่ทุกมุมของปัญหานั้น จึงต้องกำหนดขอบเขตของการศึกษาให้แน่นอน ว่าจะครอบคลุมอะไรบ้าง ซึ่งอาจทำได้โดยการกำหนดขอบเขตของเรื่องให้แคบลงเฉพาะตอนใดตอนหนึ่งของสาขาวิชา หรือกำหนดกลุ่มประชากร สถานที่วิจัย หรือระยะเวลา
www.eng.su.ac.th/che/old53/faculty_and_staff/.../research-4.pdf
1.
ขอบเขตของการวิจัยมีจุดประสงค์เพื่อกำหนดขอบเขตของการวิจัยครั้งนี้ให้จำเพาะเจาะจง
ว่าสิ่งใดต้องการวิจัยและสิ่งใดที่ไม่ต้องการวิจัย
2.
ขอบเขตของการวิจัย
เป็นการจำกัดขอบเขตในด้านต่าง ๆของการวิจัยให้แคบลงเพื่อไม่ให้งานวิจัยมีขอบเขตการศึกษากว้างขวางจนเกินไป
ซึ่งหมายถึงสาระหรือวัตถุประสงค์หรือประเด็นต่าง ๆ ที่ผู้วิจัยต้องการจะศึกษารวมทั้งประเภทและลักษณะของประชากรที่เป็นเป้าหมายของการศึกษา
3.
รูปแบบการเขียน
ขอบเขตการวิจัยเขียนให้ประกอบด้วย 5
เรื่อง
- ขอบเขตเกี่ยวกับประเด็นหลักในชื่อเรื่อง
- ขอบเขตเกี่ยวกับประชากรในการวิจัย
- ขอบเขตเกี่ยวกับพื้นที่ที่ใช้วิจัย
- ขอบเขตเกี่ยวกับเวลาที่ทำวิจัย
- ขอบเขตเกี่ยวกับตัวแปร
4.
การเขียนขอบเขตการวิจัยมีหลักการทั่วไปดังนี้
- เขียนเป็นข้อๆหรืออาจเขียนพรรณนาก็ได้
- เขียนให้ขยายความขอบเขตที่ระบุไว้ในชื่อเรื่องการวิจัย
- เขียนโดยใช้คำที่แสดงถึงขอบเขต เช่น คำว่า ‘ศึกษาเฉพาะ’ ‘ครอบคลุมถึง’ หรือ
’ไม่รวมถึง’ หรือจบด้วย ‘เท่านั้น’
http://ajdusadee-dusadee.blogspot.com/2011/01/blog-post.html
ขอบเขตของงานวิจัย(
boundary
of research problem ) มักพบเจอในการเขียนบทที่ 1 การกำหนดขอบเขตของการวิจัยนี้ เกี่ยวข้องใกล้ชิด
กับการกำหนดปัญหาการวิจัยที่ชัดเจน ลักษณะของขอบเขตของการวิจัยมีประเด็นที่ควรกล่าวถึง
ประกอบด้วย ขอบเขตด้านกลุ่มตัวอย่างหรือ กลุ่มผู้ร่วมวิจัย
ที่ต้องระบุว่ามีลักษณะเช่นใด เกี่ยวกับ ชาติพันธุ์ เพศ
เศรษฐกิจและสังคมที่จะทำให้ผู้อ่านงานวิจัย หรือนักวิจัยเองทราบว่า
การตีความข้อค้นพบหรือ ผลจากการวิจัย ทำภายในขอบเขตเช่นไร เช่น
การวิจัยเพื่อสร้างโมเดล การออมเงินของ นักศึกษามหาวิทยาลัย ขอบเขตของการตีความก็อยู่ในบริบทของอายุ
และสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมของนักศึกษามหาวิทยาลัย ขอบเขตด้านทฤษฎี อาจประกอบด้วยการระบุชื่อของทฤษฎีที่ใช้ในการสร้างความสัมพันธ์เชิงโครงสร้าง
การตีความต้องอยู่บนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทฤษฎีนั้น ในงานวิจัยระดับปริญญาเอก
โท ของหลายมหาวิทยาลัยเวลาระบุเกี่ยวกับขอบเขตไปใส่หัวข้อว่ากลุ่มตัวอย่าง ตัวแปรต้น
ตัวแปรตาม นั้นเป็นการเขียนที่บอกข้อมูลเกี่ยวกับขอบเขต แต่มิได้เป็นการระบุขอบเขตที่ควรทำเพราะให้ข้อมูลในระดับปฏิบัติการมากการให้ข้อมูลระดับconcept
สรุป
เป็นการระบุให้ทราบว่าการวิจัยที่จะศึกษามีขอบข่ายกว้างขวางเพียงใด เนื่องจากผู้วิจัยไม่สามารถทำการศึกษาได้ครบถ้วนทุกแง่ทุกมุมของปัญหานั้น
จึงต้องกำหนดขอบเขตของการศึกษาให้แน่นอน ว่าจะครอบคลุมอะไรบ้าง ซึ่งอาจทำได้โดยการกำหนดขอบเขตของเรื่องให้แคบลงเฉพาะตอนใดตอนหนึ่งของสาขาวิชา
รูปแบบการเขียนขอบเขตการวิจัยประกอบด้วย 5 เรื่อง
- ขอบเขตเกี่ยวกับประเด็นหลักในชื่อเรื่อง
- ขอบเขตเกี่ยวกับประชากรในการวิจัย
- ขอบเขตเกี่ยวกับพื้นที่ที่ใช้วิจัย
- ขอบเขตเกี่ยวกับเวลาที่ทำวิจัย
- ขอบเขตเกี่ยวกับตัวแปร
การเขียนขอบเขตการวิจัยมีหลักการทั่วไปดังนี้
- เขียนเป็นข้อๆหรืออาจเขียนพรรณนาก็ได้
- เขียนให้ขยายความขอบเขตที่ระบุไว้ในชื่อเรื่องการวิจัย
- เขียนโดยใช้คำที่แสดงถึงขอบเขต เช่น คำว่า ‘ศึกษาเฉพาะ’ ‘ครอบคลุมถึง’ หรือ
’ไม่รวมถึง’ หรือจบด้วย ‘เท่านั้น’
อ้างอิง
http://blog.eduzones.com/jipatar/85921 เข้าถึงเมื่อ10/11/55
www.eng.su.ac.th/che/old53/faculty_and_staff/.../research-4.pdf เข้าถึงเมื่อ10/11/55
http://ajdusadee-dusadee.blogspot.com/2011/01/blog-post.html เข้าถึงเมื่อ10/11/55
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น