ชื่อเรื่อง
(The Title)
http://cai.md.chula.ac.th/lesson/research/re12.htm#06-5ชื่อเรื่อง
มักเป็นส่วนดึงดูดความสนใจจุดแรก ของโครงร่างการวิจัยทั้งโครงการ
จึงควรตั้งชื่อเรื่องให้น่าสนใจ ทันต่อเหตุการณ์ พิจารณาแล้ว
เป็นเรื่องที่วิจัยได้ (researchable
topic) และควรแก่การแสวงหาคำตอบโดยทั่วไป หลักในการตั้งชื่อเรื่อง ทำได้โดยหยิบยกเอาคำสำคัญ
(key words) ของเรื่องที่จะทำวิจัย ออกมาประกอบกันเป็นชื่อเรื่อง
จะทำให้ชื่อนั้นสั้น กะทัดรัด ชัดเจน และสื่อความหมาย ครอบคลุมความสำคัญ
ของเรื่องที่จะศึกษาทั้งหมด
http://blog.eduzones.com/jipatar/85921 ชื่อเรื่องควรมีความหมายสั้น กะทัดรัดและชัดเจน
เพื่อระบุถึงเรื่องที่จะทำการศึกษาวิจัย ว่าทำอะไร กับใคร ที่ไหน อย่างไร เมื่อใด
หรือต้องการผลอะไร ยกตัวอย่างเช่น “ประสิทธิผลของการใช้วัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมันกับทหารในศูนย์ฝึกทหารใหม่
กรมยุทธศึกษาทหารเรือ 2547” ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ชื่อที่ยาวมากๆ
อาจแบ่งชื่อเรื่องออกเป็น 2 ตอน
โดยให้ชื่อในตอนแรกมีน้ำหนักความสำคัญมากกว่า และตอนที่สองเป็นเพียงส่วนประกอบหรือส่วนขยาย
เช่น “โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการใช้ถุงยางอนามัย
เพื่อป้องกันโรคของนักเรียนชาย : การเปรียบเทียบระหว่างนักเรียนอาชีวศึกษากับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในกรุงเทพมหานคร
2547”
นอกจากนี้ ควรคำนึงด้วยว่าชื่อเรื่องกับเนื้อหาของเรื่องที่ต้องการศึกษาควรมีความสอดคล้องกันการเลือกเรื่องในการทำวิจัยเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ
ที่ต้องพิจารณารายละเอียดต่างๆ หลายประเด็น โดยเฉพาะประโยชน์ที่จะได้รับจากผลของการวิจัย
ในการเลือกหัวเรื่องของการวิจัย มีข้อควรพิจารณา 4 หัวข้อ
คือ
1. ความสนใจของผู้วิจัย
ควรเลือกเรื่องที่ตนเองสนใจมากที่สุด และควรเป็นเรื่องที่ไม่ยากจนเกินไป
2 . ความสำคัญของเรื่องที่จะทำวิจัย
ควรเลือกเรื่องที่มีความสำคัญ และนำไปใช้ปฏิบัติหรือสร้างแนวความคิดใหม่ๆ ได้
โดยเฉพาะเกี่ยวกับงานด้านเวชศาสตร์ครอบครัวหรือเชื่อมโยงกับระบบสุขภาพ
3. เป็นเรื่องที่สามารถทำวิจัยได้
เรื่องที่เลือกต้องอยู่ในวิสัยที่จะทำวิจัยได้ โดยไม่มีผลกระทบอันเนื่องจากปัญหาต่างๆ เช่น
ด้านจริยธรรม ด้านงบประมาณ ด้านตัวแปรและการเก็บข้อมูล ด้านระยะเวลาและการ
บริหาร ด้านการเมือง หรือเกินความสามารถของผู้วิจัย
4 . ไม่ซ้ำซ้อนกับงานวิจัยที่ทำมาแล้ว
ซึ่งอาจมีความซ้ำซ้อนในประเด็นต่างๆ ที่ต้องพิจารณาเพื่อหลีกเลี่ยง ได้แก่ ชื่อเรื่องและ
ปัญหาของการวิจัย (พบมากที่สุด) สถานที่ที่ทำการวิจัย ระยะเวลาที่ทำการวิจัย วิธีการ หรือ
ระเบียบวิธีของการวิจัย
1. ความสนใจของผู้วิจัย
ควรเลือกเรื่องที่ตนเองสนใจมากที่สุด และควรเป็นเรื่องที่ไม่ยากจนเกินไป
2 . ความสำคัญของเรื่องที่จะทำวิจัย
ควรเลือกเรื่องที่มีความสำคัญ และนำไปใช้ปฏิบัติหรือสร้างแนวความคิดใหม่ๆ ได้
โดยเฉพาะเกี่ยวกับงานด้านเวชศาสตร์ครอบครัวหรือเชื่อมโยงกับระบบสุขภาพ
3. เป็นเรื่องที่สามารถทำวิจัยได้
เรื่องที่เลือกต้องอยู่ในวิสัยที่จะทำวิจัยได้ โดยไม่มีผลกระทบอันเนื่องจากปัญหาต่างๆ เช่น
ด้านจริยธรรม ด้านงบประมาณ ด้านตัวแปรและการเก็บข้อมูล ด้านระยะเวลาและการ
บริหาร ด้านการเมือง หรือเกินความสามารถของผู้วิจัย
4 . ไม่ซ้ำซ้อนกับงานวิจัยที่ทำมาแล้ว
ซึ่งอาจมีความซ้ำซ้อนในประเด็นต่างๆ ที่ต้องพิจารณาเพื่อหลีกเลี่ยง ได้แก่ ชื่อเรื่องและ
ปัญหาของการวิจัย (พบมากที่สุด) สถานที่ที่ทำการวิจัย ระยะเวลาที่ทำการวิจัย วิธีการ หรือ
ระเบียบวิธีของการวิจัย
เอกวิทย์
แก้วประดิษฐ์. (2534:32) กล่าวว่าต้องเป็นชื่อที่กะทัดรัด มีเนื้อความที่ชัดเจน
มีความหมายในตัวมันเอง
โดยสามารถสื่อความหมายให้ผู้อื่นทราบได้ต้องตั้งชื่อให้แสดงถึงมโนมติ (Concept)
ของตัวแปรหรือแสดงถึงความสัมพันธ์ของตัวแปรในปัญหานั้นๆ
ต้องใช้ภาษาให้ชัดเจนเข้าใจง่าย ต้องไม่ซ้ำซ้อนกับงานวิจัยของผู้อื่น ถึงแม้ประเด็นที่ศึกษาจะคล้ายกันก็ตาม
สรุป ชื่อเรื่องเป็นส่วนดึงดูดความสนใจจุดแรก
ของโครงร่างการวิจัยจึงควรมีความหมายสั้น
กะทัดรัดและชัดเจน เพื่อระบุถึงเรื่องที่จะทำการศึกษาวิจัย ว่าทำอะไร กับใคร
ที่ไหน อย่างไร เมื่อใด หรือต้องการผลอะไร ในการเลือกหัวเรื่องของการวิจัย มีข้อควรพิจารณา
4 หัวข้อ คือ
1 ความสนใจของผู้วิจัย
2 ความสำคัญของเรื่องที่จะทำวิจัย
3 เป็นเรื่องที่สามารถทำวิจัยได้
4 ไม่ซ้ำซ้อนกับงานวิจัยที่ทำมาแล้ว
2 ความสำคัญของเรื่องที่จะทำวิจัย
3 เป็นเรื่องที่สามารถทำวิจัยได้
4 ไม่ซ้ำซ้อนกับงานวิจัยที่ทำมาแล้ว
อ้างอิง
http://cai.md.chula.ac.th/lesson/research/re12.htm#06-5
เข้าถึงเมื่อ 10/12/55
http://blog.eduzones.com/jipatar/85921เข้าถึงเมื่อ 10/12/55
เอกวิทย์ แก้วประดิษฐ์.(2534).การวิจัยเทคโนโลยีการศึกษา .กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น